วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557



 พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ตั้งอยู่บริเวณวัดผาน้ำทิพย์เทพประ สิทธิ์วรารามตำบลผาน้ำย้อยอำเภอหนองพอกจังหวัดร้อยเอ็ด มีลักษณะเป็นมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ที่วิจิตรพิสดาร ใช้ศิลปกรรมร่วมสมัยระหว่างภาคกลางและภาคอีสานเป็นการผสม กันระหว่าง พระปฐมเจดีย์และพระธาตุพนม ใช้งบประมาณก่อสร้างถึงปัจจุบันกว่า 3,000 ล้านบาท ดำเนินการสร้างโดย “พระอาจารย์ศรี มหาวิโร” ซึ่งเป็นศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ออกแบบ โดยกรมศิลปากรเป็นสีขาวตกแต่งลวดลาย ตระการตาด้วย สีทองเหลืองอร่าม รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็กทั้ง 8 ทิศสร้าง ในเนื้อที่ 101 ไร่ กว้าง 101 เมตร ยาว 101 เมตร ความสูง 101 เมตร รวมยอดทองคำเป็น 109เมตร ใช้ทอง คำหนัก 4,750 บาท หรือประมาณ 60 กิโลกรัม ภายในองค์พระมหา เจดีย์เหมือน อยู่บนวิมานแดนสวรรค์



   การเข้าชมเจดีย์ชัยมงคลนั้น ทางวัดจะมีรถบริการพาขึ้นไปชมเนื่องจากตัวเจดีย์ตั้งอยู่ที่เนินสูงห่างจากลานจอดรถพอสมควร หรือจะเดินขึ้นไปตามเส้นทางเลียบหน้าผาที่ทำไว้คล้ายกำแพงเมืองจีนชมทิวทัศน์ไปด้วยก็ได้









     แต่ละชั้นของพระมหาเจดีย์ ถูกตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม ประดิษฐานรูปเหมือนสลักหินทรายของพระคณาจารย์ ปราชญ์อีสานในอดีตและหุ่นรูปเหมือนพระสุปฏิปันโนในจำนวน 101 องค์ รวมทั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานซึ่งเก็บรวบรวมอัฏฐะบริขารของหลวงปู่ศรี มหาวีโร ผู้ดำเนินการสร้างพระมหาเจดีย์อีกด้วย

ภายในพระมหาเจดีย์มีทั้งหมด 6 ชั้น คือ
ชั้นที่ 1เป็นห้องโถงกว้างใหญ่โออ่า ใช้เป็นห้องเอนกประสงค์ และประชุมบำเพ็ญบุญ
ชั้นที่ 2 เป็นศาลาประชุมสงฆ์ ผนังติดตั้งรูปพระพุทธประวัติ
ชั้นที่ 3 เป็นชั้นอุโบสถ และประดิษฐานรูปพระคณาจารย์ปราชญ์อีสานในอดีต เป็นรูป เหมือนสลักหินอ่อน และหุ่นรูปเหมือนพระสุปฏิปันโน 101 องค์
ชั้นที่ 4 เป็นชั้นชมวิว ชมทัศนียภาพรอบภูเขาเขียว

 ชั้นที่ 5 เป็นชั้นพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ศรี มหาวีโร (กำลังอยู่ในระหว่างรวบรวมยังไม่เสร็จสมบูรณ์)
 ชั้นที่ 6 เป็นชั้นสูงสุดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ









 

 บันไดเวียน 119 ชั้น เป็นห้องโถงรูประฆัง 8 เหลี่ยมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ




   ตามความเชื่อและวิธีการบูชา พระมหาเจดีย์ชัยมงคลนั้น ยังเป็นสถานที่ในการประกอบศาสนกิจต่าง ๆ ทำให้ประชาชนทุกสารทิศได้มาสักการะเพื่อเป็นสิริมงคลอย่างไม่ขาดสาย

    เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ระหว่างเวลา 06.00-17.00 น.

    การเดินทาง ไปตามเส้นทางสายร้อยเอ็ด-อำเภอโพนทอง-อำเภอหนองพอก ระยะทาง 62 กิโลเมตร จากตัวเมืองร้อยเอ็ด ตามทางหลวงหมายเลข 2044 และ 2136


วัดถ้ำคูหาสวรรค์ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี



วัดถ้ำคูหาสวรรค์ เป็นสถานที่ที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ที่น่าไปเยี่ยมชม ก่อตั้งโดย "หลวงปู่คำคนิง จุลมณี" ซึ่งใช้เป็นที่ ปฏิบัติธรรมจำพรรษาปัจจุบันท่านได้มรณภาพแล้ว แต่ร่างกายไม่เน่าเปื่อยบรรดาลูกศิษย์ได้เก็บร่างของท่าน ไว้ในโลงแก้วเพื่อบูชา เมื่อเดินทางไปที่ อ.โขงเจียมแล้ว ยังคงถือโอกาส ชมทิวทัศน์แม่น้ำโขงและแม่น้ำสองสี ตลอดจนทิวทัศน์ของฝั่งประเทศตรงข้ามได้อย่างชัดเจน




รวมทั้งทิวทัศน์ ตัวอำเภอโขงเจียม ภายในบริเวณวัดถ้ำคูหาสวรรค์มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างเช่น พระอุโบสถหลังงามสีขาวแกะสลักลวดลายอย่างวิจิตรบรรจงสวยงาม ดึงดูดให้เหล่านักท่องเที่ยวแวะเข้าเยี่ยมชมที่นี่อย่างมากมาย นอกจากนี้ภายในวัดถ้ำคูหาสวรรค์ ยังมีพระธรรมเจดีย์ศรีไตรภูมิ ภายในประดิษฐาน พระพุทธรูปปางสมาธิที่สวยงาม สวนตอไม้โดยรอบภายในบริเวณวัดเป็นอีกจุดหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเพราะที่วัดแห่ง นี้เป็นศูนย์อนุรักษ์กล้วยไม้ไทย ตอไม้ที่ท่านสังเกตเห็นนั้นหากมองอย่างละเอียดแล้วล่ะก็ จะเห็นดอกกล้วยไม้ที่สวยงามน่ารักหลากหลายพันธุ์และสี แต่อย่าเดินชมดอกกล้วยไม้ กันเพลิน เพราะยังมี ถ้ำคูหาสวรรค์ ที่อยู่บริเวณด้านหลังวัดให้ทุกท่านไปสำรวจ ถ้ำคูหาสวรรค์ เป็น ถ้ำที่เดินไปได้สะดวก ไม่ลึก ภายในถ้ำเป็น ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย มากมายหลายองค์ ด้านในถ้ำเป็นที่ตั้งของโลงแก้วที่บรรจุสรีระที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงปู่คำ คนิง จุลมณี พระนักวิปัสสนาที่มีชื่อเสียง






 ชมทิวทัศน์แม่น้ำโขงและแม่น้ำสองสี ตลอดจนทิวทัศน์ของฝั่งประเทศตรงข้ามได้อย่างชัดเจน อันเนื่องมาจากบริเวณที่ตั้งของวัดตั้งอยู่บนที่ราบสูง ริมฝั่งแม่น้ำโขง ทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของแม่น้ำโขงและแม่น้ำมูลไหลรวมกัน กลายเป็นแม่น้ำสองสี อย่างสวยงาม